By 5/8 [Math-Eng]
By 5/8 ... Dear Gun Arm Eve Por
วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
การตัดไม้ทำลายป่า : หายนะภัยร่วมที่น่าสะพรึงกลัว !!
-สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงและการตัดไม้ทำลายป่าเป็นบทพิสูจน์ที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่งในขณะนี้ว่า เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างผิดธรรมชาติ ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก่อให้เกิดหายนะทางธรรมชาติอย่างรุนแรงดังเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดโอเรียนทอล มินโดโร อิซาเบลล่า ปาลาวัน เกซอน บิโคล และคารากา
กรีนพีซเตือนว่า สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และการตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อให้เกิดอุทกภัยรุนแรงที่จังหวัดโอ เรียนทอล มินโดโร อิซาเบลล่า ปาลาวัน เกซอน บิโคล และคารากา ในขณะนี้ จะทวีความรุนแรงได้ หากไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่าเสียแต่วันนี้
วอน เฮอนานเดซ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "เหตุการณ์ น้ำท่วมอย่างรุนแรงนี้มีสาเหตุมาจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องซึ่งสัมพันธ์กับ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผลลัพธ์ของความเสียหายจะเพิ่มขึ้นในระดับที่มากที่สุดหากสาเหตุของหายนะภัย นั้นเกิดจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงรวมกับการตัดไม้ทำลายป่า ประเทศฟิลิปปินส์ได้รับบทเรียนจากผลกระทบนี้หลายครั้งแล้วในอดีต ครั้งที่เลวร้ายที่สุดคือโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในจังหวัดออร์มอก เมื่อปี 2533 และ ความหายนะที่จังหวัดออโรรา และเกซอน ในปี 2547 หายนะภัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่ยังไม่มีมาตรการในการแแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า ออกมาบังคับใช้
เหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งแทบจะเกิดขึ้นพร้อมกันในทุกจังหวัดทั่วฟิลิปปินส์ เป็นผลให้ประชานมากกว่า 10,000 ครอบครัวในพื้นที่เกิดเหตุต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น
รายงานล่าสุดของกรีนพีซ ซึ่งออกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว เรื่อง "Crisis or Opportunity: Climate Change Impacts and the Philippines" โดย ดร.ลีอองซิโอ อมาโดร นักอุตุนิยมวิทยาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของฟิลิปปินส์ ได้ระบุว่าผลกระทบของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจะก่อให้เกิดน้ำท่วม แห้งแล้ง ไฟป่า และพายุไซโคลนในอัตราที่ถี่ และรุนแรงขึ้น
ดร. อมาโดร์ อธิบายว่า "สภาพ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากและเพิ่มภาระหนักให้ ชาวฟิลิปปินส์ซึ่งส่วนใหญ่ต้องแบกรับอยู่แล้ว ทุกประเทศต้องร่วมกันปรับกลยุทธ์ เช่น การเตรียมความพร้อมรับมือกับหายนะ และการประเมินความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น เปลี่ยนการใช้พลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาด และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
จากข้อมูลทางสถิติอ้างอิงได้ว่า การตัดไม้ทำลายป่าทำให้ภาวะฝนตกอย่างหนักย่ำแย่ลงไปอีก การตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่องทั้งถูกกฎหมาย และการลับลอบตัด ทำให้ผืนป่า ซึ่งโดยปกติจะทำหน้าที่เป็นปราการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันพายุ ฝน และดินถล่มจากพายุไต้ฝุ่น สูญเสียความสามารถในการป้องกันหายนะจากภัยธรรมชาติ
กรีนพีซกล่าวว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 คนจากพายุไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นประมาณ 17-22 ครั้งที่พัดผ่านเข้ามาในประเทศ ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าระหว่างเกิดน้ำท่วมและแผ่นดินถล่มในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2547 ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่จังหวัดออร์มอก ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2534 จำนวนผู้เสียชีวิตและสถิติความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและสาธารณูปโภคจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนความถี่และความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่น
ขณะที่รัฐบาลอ้างแต่ว่า ภาวะฝนตกหนักเป็นสาเหตุของการเกิดน้ำท่วม แต่จากการศึกษาพบว่าการหายไปของพื้นที่ป่าเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดหายนะ ภัยทางธรรมชาติ
วอน เฮอนานเดซ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมักโต้แย้งว่าฝนที่ตกอย่างหนักมากเป็นสาเหตุของอุทกภัยที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง เพียงเพื่อเป็นการบอกปัดความรับผิดชอบ เป็นที่คาดกันแล้วว่า ภาวะฝนตกอย่างหนักจะเพิ่มขึ้นในอนาคต รัฐบาลจึงควรออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อปกป้องพื้นที่ป่าและหยุดการตัดไม้ ทำลายป่า พร้อมกับกำหนดนโยบายลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และก้าวไปสู่การใช้พลังงานสะอาด
เฮอนานเดซ กล่าวว่า เราไม่สามารถกล่าวโทษได้ทั้งหมดว่า หายนะทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่โง่เขลาของมนุษย์ ธรรมชาติตอกย้ำความล้มเหลวที่เราร่วมกันทำขึ้นมาเพื่อให้เราจะได้หยุดฟังและ เรียนรู้จากบทเรียนที่ขมขื่น จริงๆแล้วก็คือเมื่อเราทำร้ายธรรมชาติ นั่นเท่ากับเราได้ทำร้ายตัวเอง ประสบการณ์ที่ได้จากหายนะภัยที่ผ่านมา ทำให้เราได้เตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ในอนาคต
ที่มา : http://www.greenpeace.org/seasia/th/news/a-deadly-combination/
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น